ห้องสมุดประชาชนอำเภอแสวงหาขอเชิญชวนคนไทยร่วมลงชื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง
องค์ทูตสันถวไมตรียูนิเฟม ทรงร่วมต้านความรุนแรงต่อผู้หญิง
จากผลสำรวจเชิงลึกของสหประชาชาติพบว่า ในชีวิตผู้หญิงและเด็กหญิงทั่วโลก1ใน 3 อาจโดนทุบตี ล่อลวงหรือโดนล่วงละเมิด ซึ่งการต่อต้านความรุนแรงต่อสตรีถือเป็นวาระเร่งด่วนที่สำคัญยิ่งของสหประชา ชาติ ทั้งนี้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงทราบถึงปัญหาดังกล่าว จึงทรงตอบรับเป็น " ทูตสันถวไมตรีของยูนิเฟมประเทศไทย" ในโครงการ Say NO To Violence against Women และเสด็จ ร่วมงานของกองทุนการพัฒนาเพื่อสตรี แห่งสหประชาชาติ (ยูนิเฟม) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ ทรงลงพระนามในโปสการ์ด เพื่อทรงเป็นหนึ่งเสียงร่วมต้านความรุนแรงต่อผู้หญิง และประทานโปสการ์ด แก่ตัวแทนจากกระทรวงต่างๆ รวมถึงองค์กรภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมลงชื่อในโปสการ์ด ยุติความรุนแรง ต่อผู้หญิง
ในการนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประทานพระดำรัสเกี่ยวกับพระภารกิจและโครงการที่ จะทรงดำเนินการเพื่อยุติความ รุนแรงต่อผู้หญิงของประเทศไทย ความว่า ทรงชื่นชมในการเป็นหุ้นส่วนระยะยาวระหว่างยูนิเฟมและรัฐบาลไทย ในการสนับสนุนยูนิเฟมต่อการปฏิบัติในอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติ ต่อสตรีในทุกรูปแบบ และทรงชื่นชมในความช่วยเหลือทางวิชาการที่ยูนิเฟมใช้ในการร่างกฎหมายยุติความรุนแรงในครอบครัว รวมถึงโครงการนำร่องเรื่องศูนย์ให้ความช่วยเหลือแบบครบวงจรสำหรับเหยื่อความรุนแรงในจ.ชุมพร
"ความ รุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กนั้น เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ ความรุนแรงต่อผู้หญิงยังมีผลกระทบทางลบอย่างลึกซึ้งต่อตัวผู้หญิงเอง เด็กและสังคมโดยรวม เรื่องนี้เป็นปัญหาส่วนรวม มิใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงได้รับความทุกข์ทรมานจากปัญหา ทั้งทางกาย จิตใจและสุขภาพ"
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา รับสั่งว่า ประเทศไทยมีความก้าวหน้าที่น่าพอใจในการ แก้ปัญหายุติความรุนแรงต่อผู้หญิง และเด็กหญิงอย่างเป็นระบบ โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การบังคับใช้ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวพ. ศ.2550 ซึ่งถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญยิ่ง การบังคับใช้กฎหมายต่างๆ เป็นภารกิจที่สำคัญและท้าทายเป็นอย่างมาก บุคลากรในกระทรวงยุติธรรม ไม่ว่าตำรวจ อัยการและผู้พิพากษา ต้องมีความเข้าใจกฎหมายอย่างชัดเจน พร้อมทั้งเข้าใจความจำเป็นเฉพาะของผู้หญิงและผู้ชายในการบังคับใช้กฎหมาย ทว่า กฎหมายไม่ใช่ทางแก้ สุดท้ายของปัญหา เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้ยุทธศาสตร์ให้ทุกภาคส่วนเข้ามาเกี่ยว ข้อง ไม่ว่าคนทำงานในด้านกฎหมาย, สาธารณสุข การให้บริการสังคมและการศึกษา ในการแก้ปัญหาการยุติความรุนแรงในผู้หญิงและเด็กหญิง
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา รับสังว่า ถ้าพวกเราทุกฝ่ายร่วมมือกัน โครงการ Say NO To Violence against Women จะนำมาซึ่งลายเซ็นจำนวนมากจากประชาชนชาวไทย เพื่อแสดงพลัง น้ำเสียงความเป็นหนึ่งเดียวของประเทศไทยในการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและ เด็ก แต่ลายเซ็นอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอ การเซ็นที่เกิดขึ้นต้องควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมของ ผู้ชายและผู้หญิง เด็กชายและเด็กหญิง ด้วยการปฏิบัตินโยบายและกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงหน้าที่จากทุกภาคส่วนที่จะรับผิดชอบร่วมกัน "แล้วเราจะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เราจะทำให้โครงการยุติความรุนแรงนี้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร เพื่อความยั่งยืนของสิ่งต่างๆ ที่ได้ทำมาแล้วและเพื่อให้ทุกอย่างที่ทำอยู่แล้วมีการประสานที่ดีขึ้นในทุกๆ ระดับ"ปลอดรุนแรงและล่วงละเมิด
ดร.จีน เดอคูน่า ผอ.ยูนิเฟมสำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า จากปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิงในประเทศไทยและทั่วโลก ยูนิเฟมจึงต้องการรวบรวมรายชื่อครบ 500,000 ชื่อ ผ่านทั้งทางเว็บไซต์และโปสการ์ด เพื่อส่งมอบให้นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติในวันที่ 25 พ.ย.2551 เป็น "วันสากลแห่งการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง" ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลก ที่ให้การสนับสนุน ตระหนักถึงปัญหาสิทธิสตรีมากที่สุด อีกทั้งยังสร้างแรงกระตุ้นประเทศอื่นๆ หันมาให้ความสนใจต่อสิทธิสตรีและยุติการใช้ความรุนแรง จึงขอเชิญชวนคนไทยร่วมลงชื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงได้ที่เว็บไซต์ http://www.novaw.or.th/
"ยูนิเฟมจะนำลายเซ็นที่เราได้รับจากประชาชนในประเทศไทยและประเทศอื่นในภูมิภาคขึ้นทูลเกล้ถวายแด่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา หลังจากนั้น จะรวบรวมลายเซ็นทั้งหมดจากแก่เลขาธิการสหประชาชาติอีกครั้ง เป็นการสนับสนุนการณรงค์ ซึ่งจะใช้เวลาหลายปีเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี"
หมู่ 5 ตำบลแสวงหา อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง 14150
โทรศัพท์ 035-695245, 035-695254 โทรสาร 035-695254
....เปิดให้บริการ วันอาทิตย์ถึงวันศุกร์....
รับสมัครสมาชิกฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
มีบริการอินเตอร์เน็ต ฟรี
บริการยืม-คืนหนังสือ ค้นคว้าจากสื่อต่างๆ
1. ปิด ทีวี คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต mp3 มีสติอยู่กับหนังสือ
2. นั่งสมาธิสัก 5 นาที
3. อ่านหนึ่งรอบ แล้วสรุป โดยไม่เปิดหนังสือ
4. เช็คคำตอบ
5. อ่านอีกหนึ่งรอบ
6. สรุปใหม่ เปิดหนังสือได้เอาไว้อ่าน
7. ถ้าทำเป็น Mind Mapping จะอ่านง่ายขึ้น
8. มีเอกสารอะไรที่ครูแจก อย่าคิดว่าไม่สำคัญ
9. ท่องในส่วนที่ครูพูดย้ำบ่อยๆ อย่างน้อย 2 ครั้ง/คาบ
10. ก่อนวันสอบ ห้ามหักโหมอ่านหนังสือถึงเที่ยงคืน เพราะสมองจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
เหมาะสมที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีค่ะ วจีไพเราะมากๆๆ จาก
ตอบลบ(เพื่อนร่วมอาชีพ)^.^